เรื่อง "เส้นทางชีวิตที่ลิขิตได้ด้วยตนเอง"
เส้นทางชีวิตหลายๆคนเชื่อว่าขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ชาติที่แล้วได้สร้างไว้
หลายๆคนบอกว่าพระเจ้าได้ลิขิตไว้แล้วว่าเราต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้ แต่ใครจะรู้ได้บ้างหละว่า
เราก็สามารถลิขิตชะตาชีวิตได้ด้วยตัวเราเอง บางครั้งอะไรไม่ดีเราก็โทษคนอื่น
แต่เรากลับไม่โทษตัวเองว่าทำไมเราถึงต้องเลือกเดินเส้นทางนี้
ทั้งๆเราคือผู้ควบคุมมัน
ฉันพยายามเฝ้าหาคำตอบว่าทุกครั้งเมื่อฉันทำผิดพลาดแล้วย้อนกลับไป
แต่มันคงจะสายเกินไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นการเรียน เมื่อผลคะแนนสอบปลายภาคออกมาไม่ดี
เราก็คงนั่งนึกเสียใจกลับมัน ว่าทำไมเราไม่ตั้งใจเรียน
ถ้าเราตั้งใจเรียนมากกว่านี้คะแนนสอบออกมา เราคงจะได้เกรด 4 แต่ในเมื่อเรามัวแต่นั่งเสียดายเสียใจกลับมัน
มันก็เหมือนกลับเราทิ้งเวลาช่วงที่มีค่าช่วงหนึ่งกลับไปคิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว
อยากที่จะกลับไปอีกได้ ดังนั้นเราต้องเริ่มต้นใหม่กับมัน
เพราะมันคือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเราด้วยซ้ำ
บางคนเกิดมาในฐานะที่ไม่ค่อยจะสู้ดี
แต่เค้าพยายามฟันฝ่าอุปสรรคตรงนั้น เพื่อมาใจสุดที่สูงอยากเกินกว่าที่เค้าจะคำนึงถึง
ฉันมีโอกาสได้อ่านคอลัมน์หนึ่งในหนังสือธรรมะ มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแต่ก่อนเป็นเด็กวิ่งส่งหนังสือพิมพ์
ส่งพวงมาลัย หาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบและยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เดี่ยว
ไมโครโฟน อีกด้วย
คนเรามักมองความสำเร็จของคนอื่น
แต่มักไม่ได้มองเส้นทางที่ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
กว่าจะมาถึงจุดๆหนึ่งไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายๆคนคิด
ทุกคนมักวางแผนว่าถ้าฉันจบตรงนี้ ฉันจะไปต่อคณะอะไร เพื่อให้มีชื่อเสียงโด่งดัง
หรือบางทีก็สืบค้นประวัติดารานักแสดงที่ตนเองชื่นชอบว่าเรียนจากที่ไหน
คณะอะไรเพื่อที่ตนเองจะได้เข้าเรียนต่อที่นั่น
แต่ทุกคนลืมมองไปว่ากว่าที่พวกเขาเหล่านั้นจะก้าวมาถึงตรงนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด
บางคนบอกว่าที่พวกเขาประสบความสำเร็จได้เพราะโชคชะตากำหนด
แต่สำหรับความคิดฉันว่า มันไม่ใช่ โชคชะตาเป็นเพียงเส้นด้ายบางๆที่ขึงล้อมรอบเรา
หรือเส้นทางที่เหมือนจะง่ายแต่ก็กลับไม่ง่ายสักทีเดียว
ที่ไม่ให้หลุดกรอบแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันก็มีความเชื่อที่ว่า
เราล้วนแต่เป็นคนกำหนดชะตาของตนเองทั้งสิ้น อย่างเช่นชีวิตฉัน
ฉันเรียนโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาแห่งหนึ่งในตำบลป่ายุบใน
พอถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคนต้องการให้ฉันไปเรียนโรงเรียนมัธยมในอำเภอ แต่สำหรับฉัน
ฉันว่าฉันยังไม่พร้อมที่จะเผชิญสังคมอย่างนั้น
เราต้องไปเจอกับการแข่งขันทั้งๆที่เราพึ่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เองหรือ มันไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอ
หลังจากนั้นฉันก็ตัดสินใจเรียนต่อที่เดิมในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ฉันคิดไม่ผิดว่าฉันเรียนต่อที่นั่น
ที่นั่นได้ให้อะไรกับฉันหลายๆอย่างไม่เว้นแม้แต่โอกาสที่ฉันได้รับ ฉันมีโอกาสได้เป็นตัวแทนโรงเรียนหลายๆ
เป็นประธานนักเรียน ประธานโครงการต่างๆในโรงเรียน
ทีแรกฉันไม่อยากจะทำหน้าที่ตรงนี้เลยเพราะมันเหนื่อย ฉันก็ถูกตำหนิ
ฉันยังจำคำพูดประโยคหนึ่งของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนวัดป่ายุบได้อย่างขึ้นใจเลยว่า
“ในสถานที่ที่มีคนชอบเรา
ก็มักจะมีคนไม่ชอบเรา เราทำให้คนอื่นถูกใจ แต่เราก็ทำให้คนอีกคนไม่ชอบเรา” ฉันกับมาคิดฉันว่ามันก็เป็นอย่างที่ท่านกล่าวไว้จริงๆ
ฉันคงจะบังคับใครให้ชอบฉัน หรือไม่ชอบฉันไม่ได้ แต่ฉันจะต้องทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด
ฉันนึกย้อนกลับไปว่าฉันอยากจะขอบคุณบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จก้าวที่ 1
ของฉัน ที่ให้โอกาสให้ประสบการณ์ที่ไม่ได้มีขายตามท้องตลาด ไม่ได้มีขายตามร้านค้า
แล้วก็หาซื้อไม่ได้ถ้าเราไม่กล้าที่จะเสี่ยงกลับมัน
พอหลังจากที่ฉันจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
แล้วฉันก็กังวลว่าฉันจะสอบเข้าโรงเรียนมัธยมของอำเภอได้หรือไม่ ฉันพยายามเต็มที่
ในที่สุดผลของความพยายามฉันก็ได้อยู่ ห้อง 2 ในที่สุด ฉันดีใจมาก
ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้อยู่ห้อง 2 ด้วยซ้ำ พอเข้ามาฉันได้พบเจอเพื่อนๆไม่ที่น่ารัก
เป็นมิตร คอยสนับสนุนเพื่อน เพื่อนของฉันมีความสามารถทางด้านอ่านทำนองเสนาะ
ส่วนฉันเมื่อตอน ม.3 ได้เป็นตัวแทนไปแข่งระดับภาค พอมา ม.4
ก็เริ่มมีอะไรที่ท้าทายมากกว่าเดิม ก็เลยลองลงแข่งขันตามคำชานของเพื่อน
งานแรกที่ลงแข่งคืองานวิชาโรงเรียนบ้านบึงอุตสาหกรรมนุเคราะห์ ฉันได้เหรียญทองแดง
งานที่ 2 คือ การแข่งขันวิชาการระดับเขตพื้นที่ ฉันได้เหรียญเงิน ฉันก็ดีใจแล้ว
แม้ว่าปีหน้าอาจารย์ภาษาไทยจะให้ใครไปแข่งแทนฉันฉันก็ไม่ว่าอะไร
ฉันทำดีและฉันก็พร้อมจะเปิดโอกาสให้น้องที่มีความสามารถมาแข่งแทนฉันเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง
เส้นทางทุกเส้นทางชีวิตเราก็สามรถลิขิตได้ด้วยตนเอง
หากเรามีจุหมายปลายทางเช่นเดียวกับฉัน
ที่ไขว่คว้าโอกาสที่ทำให้เราได้พัฒนาตนเองได้สามารถความสามารถหรือพรสวรรค์ ศักยภาพที่มีในตนเองให้คนอื่นได้รับรู้....
และฉันก็ขอเป็นกำลังให้กับทุกคนที่กำลังเดินทางเส้นทางความฝันที่ตนเองตั้งใจและลิขิตไว้ให้สำเร็จดั่งที่ใจปรารถนานะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น