วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

เส้นทางชีวิตที่ลิขิตได้ด้วยตนเอง (เรียงความ)

เค้าเอามาให้ออลย์อ่านเล่นอ่ะ แต่ถ้าใครที่เข้ามาดูบล็อกแล้วอยากจะแนะนำ ก็ยินดีนะคะ จะนำไปปรับปรุง


เรื่อง     "เส้นทางชีวิตที่ลิขิตได้ด้วยตนเอง"



                เส้นทางชีวิตหลายๆคนเชื่อว่าขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ชาติที่แล้วได้สร้างไว้ หลายๆคนบอกว่าพระเจ้าได้ลิขิตไว้แล้วว่าเราต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้  แต่ใครจะรู้ได้บ้างหละว่า เราก็สามารถลิขิตชะตาชีวิตได้ด้วยตัวเราเอง บางครั้งอะไรไม่ดีเราก็โทษคนอื่น แต่เรากลับไม่โทษตัวเองว่าทำไมเราถึงต้องเลือกเดินเส้นทางนี้ ทั้งๆเราคือผู้ควบคุมมัน
                ฉันพยายามเฝ้าหาคำตอบว่าทุกครั้งเมื่อฉันทำผิดพลาดแล้วย้อนกลับไป แต่มันคงจะสายเกินไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นการเรียน เมื่อผลคะแนนสอบปลายภาคออกมาไม่ดี เราก็คงนั่งนึกเสียใจกลับมัน ว่าทำไมเราไม่ตั้งใจเรียน ถ้าเราตั้งใจเรียนมากกว่านี้คะแนนสอบออกมา เราคงจะได้เกรด 4  แต่ในเมื่อเรามัวแต่นั่งเสียดายเสียใจกลับมัน มันก็เหมือนกลับเราทิ้งเวลาช่วงที่มีค่าช่วงหนึ่งกลับไปคิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว อยากที่จะกลับไปอีกได้ ดังนั้นเราต้องเริ่มต้นใหม่กับมัน เพราะมันคือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเราด้วยซ้ำ
                บางคนเกิดมาในฐานะที่ไม่ค่อยจะสู้ดี แต่เค้าพยายามฟันฝ่าอุปสรรคตรงนั้น เพื่อมาใจสุดที่สูงอยากเกินกว่าที่เค้าจะคำนึงถึง ฉันมีโอกาสได้อ่านคอลัมน์หนึ่งในหนังสือธรรมะ มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแต่ก่อนเป็นเด็กวิ่งส่งหนังสือพิมพ์ ส่งพวงมาลัย หาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบและยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เดี่ยว ไมโครโฟน อีกด้วย
                คนเรามักมองความสำเร็จของคนอื่น แต่มักไม่ได้มองเส้นทางที่ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะมาถึงจุดๆหนึ่งไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายๆคนคิด ทุกคนมักวางแผนว่าถ้าฉันจบตรงนี้ ฉันจะไปต่อคณะอะไร เพื่อให้มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือบางทีก็สืบค้นประวัติดารานักแสดงที่ตนเองชื่นชอบว่าเรียนจากที่ไหน คณะอะไรเพื่อที่ตนเองจะได้เข้าเรียนต่อที่นั่น  แต่ทุกคนลืมมองไปว่ากว่าที่พวกเขาเหล่านั้นจะก้าวมาถึงตรงนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด
                บางคนบอกว่าที่พวกเขาประสบความสำเร็จได้เพราะโชคชะตากำหนด แต่สำหรับความคิดฉันว่า มันไม่ใช่ โชคชะตาเป็นเพียงเส้นด้ายบางๆที่ขึงล้อมรอบเรา หรือเส้นทางที่เหมือนจะง่ายแต่ก็กลับไม่ง่ายสักทีเดียว ที่ไม่ให้หลุดกรอบแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันก็มีความเชื่อที่ว่า เราล้วนแต่เป็นคนกำหนดชะตาของตนเองทั้งสิ้น อย่างเช่นชีวิตฉัน  ฉันเรียนโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาแห่งหนึ่งในตำบลป่ายุบใน พอถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคนต้องการให้ฉันไปเรียนโรงเรียนมัธยมในอำเภอ แต่สำหรับฉัน ฉันว่าฉันยังไม่พร้อมที่จะเผชิญสังคมอย่างนั้น เราต้องไปเจอกับการแข่งขันทั้งๆที่เราพึ่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เองหรือ  มันไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอ หลังจากนั้นฉันก็ตัดสินใจเรียนต่อที่เดิมในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ฉันคิดไม่ผิดว่าฉันเรียนต่อที่นั่น ที่นั่นได้ให้อะไรกับฉันหลายๆอย่างไม่เว้นแม้แต่โอกาสที่ฉันได้รับ  ฉันมีโอกาสได้เป็นตัวแทนโรงเรียนหลายๆ เป็นประธานนักเรียน ประธานโครงการต่างๆในโรงเรียน ทีแรกฉันไม่อยากจะทำหน้าที่ตรงนี้เลยเพราะมันเหนื่อย ฉันก็ถูกตำหนิ ฉันยังจำคำพูดประโยคหนึ่งของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนวัดป่ายุบได้อย่างขึ้นใจเลยว่า ในสถานที่ที่มีคนชอบเรา ก็มักจะมีคนไม่ชอบเรา เราทำให้คนอื่นถูกใจ แต่เราก็ทำให้คนอีกคนไม่ชอบเรา ฉันกับมาคิดฉันว่ามันก็เป็นอย่างที่ท่านกล่าวไว้จริงๆ ฉันคงจะบังคับใครให้ชอบฉัน หรือไม่ชอบฉันไม่ได้ แต่ฉันจะต้องทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด ฉันนึกย้อนกลับไปว่าฉันอยากจะขอบคุณบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จก้าวที่ 1 ของฉัน ที่ให้โอกาสให้ประสบการณ์ที่ไม่ได้มีขายตามท้องตลาด ไม่ได้มีขายตามร้านค้า แล้วก็หาซื้อไม่ได้ถ้าเราไม่กล้าที่จะเสี่ยงกลับมัน พอหลังจากที่ฉันจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วฉันก็กังวลว่าฉันจะสอบเข้าโรงเรียนมัธยมของอำเภอได้หรือไม่ ฉันพยายามเต็มที่ ในที่สุดผลของความพยายามฉันก็ได้อยู่ ห้อง 2 ในที่สุด ฉันดีใจมาก ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้อยู่ห้อง 2 ด้วยซ้ำ พอเข้ามาฉันได้พบเจอเพื่อนๆไม่ที่น่ารัก เป็นมิตร คอยสนับสนุนเพื่อน   เพื่อนของฉันมีความสามารถทางด้านอ่านทำนองเสนาะ ส่วนฉันเมื่อตอน ม.3 ได้เป็นตัวแทนไปแข่งระดับภาค พอมา ม.4 ก็เริ่มมีอะไรที่ท้าทายมากกว่าเดิม ก็เลยลองลงแข่งขันตามคำชานของเพื่อน งานแรกที่ลงแข่งคืองานวิชาโรงเรียนบ้านบึงอุตสาหกรรมนุเคราะห์ ฉันได้เหรียญทองแดง งานที่ 2 คือ การแข่งขันวิชาการระดับเขตพื้นที่ ฉันได้เหรียญเงิน  ฉันก็ดีใจแล้ว แม้ว่าปีหน้าอาจารย์ภาษาไทยจะให้ใครไปแข่งแทนฉันฉันก็ไม่ว่าอะไร ฉันทำดีและฉันก็พร้อมจะเปิดโอกาสให้น้องที่มีความสามารถมาแข่งแทนฉันเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง
                เส้นทางทุกเส้นทางชีวิตเราก็สามรถลิขิตได้ด้วยตนเอง หากเรามีจุหมายปลายทางเช่นเดียวกับฉัน ที่ไขว่คว้าโอกาสที่ทำให้เราได้พัฒนาตนเองได้สามารถความสามารถหรือพรสวรรค์ ศักยภาพที่มีในตนเองให้คนอื่นได้รับรู้....  และฉันก็ขอเป็นกำลังให้กับทุกคนที่กำลังเดินทางเส้นทางความฝันที่ตนเองตั้งใจและลิขิตไว้ให้สำเร็จดั่งที่ใจปรารถนานะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น