วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

เพื่อคือ

เพื่อนคือ...ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ยิ่งกว่าแฟนก้อว่าได้ ไม่ตามใจ มันก็ไม่ด่า แต่ถ้ามันไม่ตามใจ เราก็ด่าได้ โดยที่มันและเราไม่โกรธกัน

เพื่อนเมื่อโกรธกันสามารถกลับมาคืนดีกันได้ โดยไม่ต้องเก็บความสงสัยว่า เรื่องที่โกรธกันคืออะไร ผ่านแล้วก็ผ่านไป 

เพื่อนคือที่พึ่ง ยามเป็นทุกข์

เพื่อนคือที่ปรึกษา ตั้งแต่เรียน ทำงาน จนจะแต่งงานก็ยังต้องปรึกษามัน 

เพื่อนคอยสับรางเวลารถไฟจะชน 

เพื่อนคอยโกหกพ่อแม่เวลาไปเที่ยวแต่บอกว่าไปทำงาน 

เพื่อนคอยบอกแฟนว่าเรากำลังอยู่กับมัน ทั้งที่จริงเราไม่ได้อยู่กับมันหรอก 

และเพื่อนก็คือ คนจ่ายค่าข้าวเวลาเราไม่มีเงิน 

"เพื่อน" คือ ทุกอย่าง คือสิ่งที่มีค่า 

"some time happy… some time sad… but all time friend " 

บทส่งท้าย ถ้าเราสนุก ไปเที่ยวโดยไม่มีเพื่อน แล้วเล่า ให้มันฟัง มันก็ไม่ว่าอะไร....แล้วถ้าเราเที่ยวแล้วเกิดปัญหา เราตามตัวมันมา มันเคยพูดไหมว่า "ไม่สนเที่ยวแล้วไม่ชวน แก้ไขเองแล้วกัน" 

คำพูดอย่างนี่ จะไม่มีจากปากของเพื่อน จะมีแต่คำว่า " อยู่ตรงไหน เป็นอะไรว่ะ" แล้วก็ลงท้ายว่า "เออ เดี๋ยวจะรีบไป..."

อยากขอบคุณทุก ๆ บทเรียนที่ทำให้ชั้นได้เจอกับ "เพื่อนแท้"




คือ... ความมหายของคำว่าเพื่อน

คือ....ความหมายของคำว่าเพื่อน 
เมื่อพวกเธอ คือ "เพื่อน" ..............ในความหมายของฉัน 


"เพื่อน" คือ "มิตรภาพที่ดี" 
ที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กับความรู้สึกของเราได้ 
แม้ว่า "เพื่อน" อาจจะไม่ได้เป็นทุกอย่าง... 
ไม่ได้เป็นทั้งหมดในชีวิตของเราก็ตาม 


"เพื่อน" คือคนช่วยประคับประคอง ช่วยปลอบใจ 
"เพื่อน" คือคนที่ไม่ทิ้งกัน 
และไม่ทิ้งให้เพื่อนกันหลงไปผิดทางหน่ะ 
และก็ไม่ทิ้งเพื่อนกันไว้ ให้นอนตายแอ่งแม้งอยู่กลางป่าคนเดียวด้วย 


แต่ถ้า "เพื่อน" ไม่ทะเลาะกันบ้าง ไม่ผิดใจกันบ้าง 
แล้วมันจะใช่คำว่า "เพื่อน" รึ....ก็ไม่มีทางรู้หัวใจกันซิ 
ชีวิตของคำว่า "เพื่อน" ก็ไร้รสชาติและสีสันแย่สิ 
((อย่าลืมว่า "คน" ไม่ใช่หุ่นยนต์ ถึงจะได้ไร้ "อารมณ์" กันหน่ะ)) 


คิดดูดิ "พ่อแม่พี่น้องคนในครอบครัว" 
ยังมีตีกันเพื่อความเข้าใจกันเลย 
ไม่แปลกหรอก ใช่ไหม...ถ้าจะพลาดพลั้งตีต่อย 
และ "โชว์งิ้ว"กันไปบ้าง 


แต่ยังไง.... 
คำว่า "เพื่อน....จะคงอยู่ได้" 
ต้องมีการพูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก 
และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันบ้าง 


ไม่อย่างนั้น "ความไม่เข้าใจกัน"(ความเงียบ) 
ก็อาจทำให้มิตรภาพที่ดีนั้นสิ้นสุด.....ลงได้ 


((ขึ้นชื่อว่าเป็น "คน" ไม่ว่าอยู่ในสถานะใดๆ 
ไม่มีใครหยั่งรู้ทุกอย่างได้หมดหรอก)) 
(("เพื่อน" ต้องช่วยบอก ช่วยสอนกันให้เข้าใจ ไม่ใช่พูดแต่คำปริศนาหน่ะ 
มัน.งง.)) 


เราว่าคำว่า "เพื่อน" เป็นอะไรที่ดีม๊ากมากและ 
"ยิ่งใหญ่" มากกว่าคำว่า "แฟนหรือคนรัก" เสียอีก 
หากว่าใครสามารถมี "เพื่อนแท้ๆ" ได้เพียงแค่ 1คน ในชีวิตเรา 
ก็ต้องนับว่าคนๆนั้นโชคดีม๊ากมากเลย 


ถ้าหากหาแฟนหรือคนรักสักคน 
ถ้าหาคนที่สามารถเป็น "เพื่อน" กับเราได้ด้วยก็ดีนะ 
เพราะคำว่า "เพื่อน" มันมีอาถรรพ์ที่ขลังสุดสุดเลยไง 
เพราะมันเป็น "มิตรภาพ....ที่ยั่งยืน 
และก่อกวนให้คละเคล้า....คนให้เข้ากันกะทุกคนได้ดี" 


((แต่คำอื่น เลิกกันแล้วก็หมดความหมายต่อความรุ้สึกกันไปเลย)) 


และจะว่าไปแล้ว 
คนเราก็มี "เพื่อนแท้ในชีวิตติดตัวมาตั้งแต่เกิด" แล้วหล่ะ 
คือ"คนในครอบครัวของเรา" ไง 
พวกเขาเป็นเพื่อนแท้ในชีวิตของเรา 


แม้พวกเขาอาจไม่ใช่ "เพื่อนแท้....ในอุดมคติ"ที่เราตามหากันก็ตาม 


แต่พวกเขาก็เป็นคนที่เราท้าตีต่อยยามไม่มีใครมาร่วมรบกะเรา 
เป็นคนที่เห็นข้อดีข้อเสียของเรา....มาตั้งแต่เด็ก 
และเป็นคนที่ยังต้องมีกันและกันทั้งตลอดมา และยังคงตลอดไป 


เพราะชีวิตนี้... 
เราหนีพวกเขาไม่พ้น และพวกเขาก็หนีเราไม่พ้นหรอก 
จริงไหม.... 


ถึงแม้ บางคนของพวกเค้าอาจจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม 
แต่พวกเค้าก็ยังคงเป็น "เพื่อน" ที่ยังอยู่ในใจของเราเสมอแหละ 
เป็นกำลังใจ เป็นความคิดถึง เป็นความดีใจ เป็นความเสียใจ 
เป็นความรู้สึกทั้งที่ดีและอาจจะไม่ดีต่อกันบ้างในบางครั้ง 
แต่จริงๆ มันก็คือความรู้สึกของคำว่า "เพื่อน" นั่นแหละ 
คุณว่าไหม.... 


ว่าแล้วพวกคุณได้ทำอะไรดีๆให้กับ "เพื่อนที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่เกิด" และ 
"เพื่อนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันกะคุณ" แล้วหรือยัง 


เพราะหากแม้นชีวิตนี้แม้มีครบทุกสิ่ง 
หากแต่ไร้ซึ่งมิตรภาพของคำว่า "เพือน" อยู่ในหัวใจของคุณ 
ชีวิตนั้นย่อมไร้ซึ่งความหมายใดๆในความรู้สึก 
คงกลายเป็นมนุษย์หุ่นกระบอกหรือมนุษย์หุ่นยนต์ ทื่อๆแข็งๆชอบก๊ล 
คุณว่าไหม.....




***http://bbznet.pukpik.com/scripts2/view.php?user=cartoon103&board=3&id=42&c=1&order=numview

แด่..เธอ












ขอบคุณที่รักกัน

ฉันเคยเกือบพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
หากในวันที่ฉันล้มอยู่ ไม่มีหนึ่งใจของเธอ
ฝันคงจบ หลายสิ่งที่ดีคงหมดทางได้เจอ
หนึ่งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ลืมได้เลย...

ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ แต่ขอทำให้ดีที่สุด

สักวันหนึ่งฉันอาจต้องล้มลงอีก ใครจะรู้
แต่ถ้าเธอไปด้วยกันอยู่ ก็ไม่หวั่นกลัวเท่าไร
เรื่องบางอย่าง ฉันอาจได้เคยพูดบอกเธอออกไป
แต่อีกมุมนึงของหัวใจ ไม่เคยพูดเลย

ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ แต่ขอทำให้ดีที่สุด

ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ แต่ขอทำให้ดีที่สุด

ขอบคุณในความรัก ที่หาไม่ได้จากที่ไหน
จะรักเธอให้มากพอ และขอทำให้ดีที่สุด.

ความทรงจำครั้งสุดท้าย

เหตุผลของการจากลา จากกันและกัน 
สักวันหนึ่งเธอคงเข้าใจเอง 
ให้เพลงนี้เป็นพยานแห่งรักเมื่อเรานั้นเหงาใจ 
แค่คิดว่าสองเราจากกันเหนื่อยใจเหลือเกิน 
ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย 
จำเป็นต้องเอ่ยปากแม้ไม่อยากลา 

ไม่ต้องร้องไห้ออกมาถ้าชีวิตนี้ขาดฉันไป 
ฉันคงอยู่อาจไม่ใช่ตัวเป็นหัวใจ 

แม้อาจเป็นสุดท้ายที่ฉันได้เจอเธอ 
สุดท้ายที่ฉันได้มองเธอ 
จะบอกให้ฟังและย้ำว่าฉันนั้นรักเธอ 
แม้ฉันต้องจากไป แต่ภายในใจนั้นยังรัก 
เธอมีค่าเกินที่ฉันจะลืม ความทรงจำครั้งนี้ไม่มีลืม 

ก็รู้ รู้ที่ผ่านมาจากคนคุ้นเคย 
และมีกันและกันเหมือนใครๆ 
ต่อจากนี้ไปไม่มีอีกแล้วที่เราใกล้ชิดกัน 
ก็รู้ว่าสองเราจากกันนั้นคือน้ำตา 
แต่ว่าเวลามันรักษาใจ 
และเป็นเครื่องบอกกล่าวว่าฉันคงต้องลา 

ไม่ต้องร้องไห้ออกมาถ้าชีวิตนี้ขาดฉันไป 
ฉันคงอยู่อาจไม่ใช่ตัวเป็นหัวใจ 

แม้อาจเป็นสุดท้ายที่ฉันได้เจอเธอ 
สุดท้ายที่ฉันได้มองเธอ 
จะบอกให้ฟังและย้ำว่าฉันนั้นรักเธอ 
แม้ฉันต้องจากไป แต่ภายในใจนั้นยังรัก 
เธอมีค่าเกินที่ฉันจะลืม ความทรงจำครั้งนี้ไม่มีลืม 

จะให้ลบล้างไปจากใจ ไม่มีวัน จะลืมกัน 
ไม่มีวัน จะลืมกัน ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ 

แม้อาจเป็นสุดท้ายที่ฉันได้เจอเธอ 
สุดท้ายที่ฉันได้มองเธอ 
จะบอกให้ฟังและย้ำว่าฉันนั้นรักเธอ 
แม้ฉันต้องจากไป แต่ภายในใจนั้นยังรัก 
ต่อให้ตัวต้องตายและเจออะไร 
ความทรงจำครั้งนี้ไม่มีเลือน

จะได้ไม่ลืมกัน


เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ - จะได้ไม่ลืมกัน
ไกลสุดฟ้า ก็ไม่สามารถกั้นเรา
แค่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ
แต่การได้รักเธอ นั่นคือของสำคัญกว่า
และมันมีค่ามากเกินกว่าสิ่งไหนไหน
ฉันขอสัญญา จะจำทุกเรื่องราว
ไม่ว่าร้ายหรือดี สุขหรือทุกข์ใจ
ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเธอตลอดไป
เผื่อวันสุดท้ายที่ฉันหายใจ จะได้ไม่ลืมเธอ
ปลายขอบฟ้า กับระเบียงที่เราเคย
นั่งมองท้องฟ้าด้วยกัน
ต้นไม้ต้นนั้น จะดูแลรักษามัน
แทนความคิดถึง เมื่อเธอไม่อยู่ตรงนี้
ฉันขอสัญญา จะจำทุกเรื่องราว
ไม่ว่าร้ายหรือดี สุขหรือทุกข์ใจ
ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเธอตลอดไป
จะจำเธอไว้ และรักเธอไปอย่างนี้
โปรดจงมั่นใจ ฉันขอสัญญาจะจำทุกเรื่องราว
ไม่ว่าร้ายหรือดี สุขหรือทุกข์ใจ
ฉันจะทบทวน เรื่องราวของเธอตลอดไป
เผื่อวันสุดท้ายที่ฉันหายใจ จะได้ไม่ลืมเธอ
จะได้ไม่ลืมเธอ

เธอกำลังจะไปแล้วใช่ไหม

ออลย์....  ออลย์กำลังจะไปจีนแล้วใช่ไหม  ใจหายเหมือนกันนะเนี้ย เฮ้อ..พึ่งรู้จักกันไม่กี่เดือนเอง
ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ออลย์นะ สู้ๆๆนะ เก็บเกี่ยวความรู้มาให้มากที่สุด  มีโอกาสจงรีบคว้าเอาไว้ จำไว้นะ    ว่าไม่ว่าเวลาจะนานแค่ไหน  ไม่มีสิ่งใดตัดขาดคำว่าเพื่อน และมิตรภาพของพวกเราได้   สู้ๆๆ


"การเรียนแม้เหนื่อยยาก   ย่อมลำบากอย่าท้อถอย
สุดทางที่รอคอย              คืออนาคตอันงดงาม"  สู้ๆนะเพื่อน

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

ออลย์อีกไม่กี่วันแล้วใช่ไหมที่เราจะไม่ได้คุยกับออลย์ ออลย์จะคิดถึงเพื่อนคนนี้บ้างไหมน๊า.. ถ้าเออลย์ไปเราอยากให้ออยล์สู้ๆนะ เก็บเกี่ยวความรุ้มาให้มากที่สุดนะ  เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญ  เราหวังว่าออยล์คงจะรุ้เบอร์เพื่อนนี้นะ มีอะไร หรืทอเหงาก็โทหากันได้ แต่ไม่ต้องกลัวเรามี เฟสบุ๊คจะกลัวทำไมหละจริงไหม ยังไงก็สุ้ๆๆนะเพื่อน

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

สาวจอมแก่นกับนายสุดหล่อ (นิยายแต่เองอ่ะ)

เรื่อง สาวจอมแก่นกับนายสุดหล่อ เป็นเรื่องที่เจ้าของบล็อกเป็นผู้แต่ง โดยจะนำมาลงเป็นตอนๆๆให้อ่านกัน หากมีข้อเสนอแนะก็ยินดีรับฟังนะ ต้องขอขอบคุณ มา ณ โอกาสนี้ด้วย



สาวจอมแก่นกะนายสุดหล่อ
ตอนที่ 1
ลัล ลา ลั้น ลั้น ลัล ลา  วันนี้จังโกะได้มางานวิชาการของโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งค่ะ ที่นั่นมีซุ้มมากมายให้เข้าไปศึกษา แต่เอะ ทำไมซุ้มเป็นซุ้มกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่หลายๆคนไม่ชอบ แต่ทำไมคนกับเยอะจัง  จังโกะก็เบียดเสียดกับผู้คนเหล่านั้น แถมโดนด่าด้วย  T_T จังโกะอยากร้องไห้ ด้วยความที่อยากรู้แบบสุดขีด  ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น และแล้วจังโกะก็ได้พบกับหนุ่มหล่อ มาร์ดเนียบ  หล่อเวอร์ยังกับเทพบุตรในจินตนาการ แถมคนๆนี้ใช่สเป็กจังโก๊ะเลยยยย  .........
 แว๊กกกกก.. เสียงอาจารย์ที่ตะโกนมา จังโกะะะะะะ    ว๊ายยยย จังโก๊ะอายจังเลยค่ะ  จังโก๊ะเลยรีบออกจากตรงนั้นไปหาอาจารย์ก่อนที่ทุกคนจะเห็นจังโก๊ะ และนายสุดหล่อคนนั้นด้วย  อาจารย์ขา อาจารย์จะตะโกนเรียกหนูทำไมหละคะ  หนูอาย  แค่นี้ทำไปอายหรอย่ะ  แล้วทีเธอยังขัดจังหวะชั้นกับอาจารย์ ภาษาอังกฤษสุดหล่อนั้นด้วย  อู๊ย  ฉันอยากจะบ้า   อาจารย์คะ หนุว่าเราแยกกันตรงนี้ดีกว่าค่ะ อาจารย์นี่เบอร์หนู 088-+++++++ อาจารย์จะได้โทรตามหนูตอนกลับไงคะ  ระหว่างนั้นอาจารย์ก็ยิ้มอย่างมีความสุขว่าฉันคงจะไม่ไปวุ่นวายกับความสุขของแก  โอเค งั้นเราแยกกันตรงนี้ ถ้าครูกลับ ครูจะโทหาเรานะ ครูไปละนะ ครูจะไปสนทนาเรื่องความรัก  แหม! อาจารย์ฉันรีบเลยนะ  เอ.. แล้วฉันจะอยู่ทำไมหละที่นี่  รีบไปดีกว่า  เวลามีค่า..........   ฉันเตรียมวิ่งอย่างสุดขีด  และแล้วฉันอยากจะเอาปี๊บคุมหัว ก็คนที่ฉันวิ่งชนนั้นคือนายสุดหล่อนั้นเอง  กรี๊ดดด  ฉันอยากจะกรี๊ดมากไม่ได้ฉันไปกุลสตรีที่ดี ฉันต้องสงบนิ่ง   ฉันก็พูดอย่างมีมารยาทว่า  ขอโทษนะคะ พอดีต้องการจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ  นายสุดหล่อก็พูดขึ้นว่า  ห้องน้ำไม่ได้ไปทางนี้ ไปอีกทางนึง ทางที่เธอเดินมา  อู๊ยฉันอยากจะบ้า  บ่ะ บ่ะ บา บ้า  บ้ารักนายสุดหล่อนั้น   ค่ะๆๆ ขอบคุณค่ะ ระหว่างนั้นฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปในท่าที่  ใครให้เป็นต้องกรี๊ดไม่เว้นไม่แต่ฉัน  แล้วฉันก็รีบวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างหน้าแดง  ทันใดนั้นฉันหันไปเห็นนามสกุลคุ้น คล้ายๆกับน้ำสกุลของเพื่อนสนิทของคุณพ่อเลย แต่เอ๊ะ เค้าออกจะไฮโซจะตายเค้าคงไม่ส่งลูกเค้ามาเรียนที่นี่หลอก ก็คงน่าจะส่งไปเรียนเมืองนอกแล้ว..  ว๊าย เสียงโทรศัพท์ อาจารย์ขามีอะไรหรอคะ ครูขอโทษนะครูไปส่งเธอไม่ได้แล้ว ครูมีนัดอ่ะ  แค่นี้นะศิษย์รัก ครูฉันนี่ก็ใช่ย่อยนะเร็วกว่าฉันอีก   ฮื้อๆๆ ครูได้แล้ว แต่ฉันหละ  เรื่องนี้ไว้ก่อน  ว่าแต่ฉันจะกลับบ้านยังไงเนี้ย  โทรหาคุณพ่อดีกว่า  ตู๊ด ๆๆๆ  hello สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณพ่อขามารับจังโก๊ะที ที่โรงเรียน นานาชาติดามเมียน ค่ะ  พ่อไม่ว่างหลอกลูก แต่เห็นคุณลุงบอกว่าเค้าจะไปรับลูกชายเค้าที่โรงเรียนนั้น เดี๋ยวพ่อโทรบอกให้เค้าไปรับลูกเลยละกัน ยังไงเค้าก็ต้องมาบ้านเราอยู่ดี ทำไมหรอคะ  คุณพ่อพูด อย่าทำเป็นลืมสิลูกก็วันนี้บ้านเรามีปาร์ตี้ของหุ้นส่วนในบริษัทเราไง ลูกจำไม่ได้หรอ  แว๊ก ก ฉันลืมไปเลยวันนี้มีปาร์ตี้ที่บ้าน พ่อคะไม่เป้นไรคะ เดี๋ยวจังโก๊ะกลับเองพ่อให้คนขับรถมารับจังโก๊ะละกันค่ะ จังโก๊ะจะไปเสริมสวย   โอเคลูก  ชุดที่ลูกต้องการตอนนี้แขวนอยู่ในห้องของลูกแล้วนะ  แล้วลูกจะเอา pocket money เท่าไหร่ละลูก   แล้วแต่ค่ะ แต่ห้ามต่ำกว่า 15000 นะคะ  พ่อรู้แล้วหนะ ทันใดนั้นคนขับรถก็มา  ฉันเลยบอกไปว่าไปส่งฉันที่ร้านเสริมสวยที่ดีที่สุด  แล้วสามารถทำให้ฉันสวยได้ดั่งเทพธิดา  คนขับรถก็รับคำสั่ง  ภายในไม่กี่นาทีฉันก็มาถึงร้านประจำ  พนักงานต้อนรับอย่างสุภาพมาก ก็แหงหละ ฉันเป็นถึงหลานเจ้าของนะ ก็ลองไม่สุภาพดิ  ฉันจะบอกคุณน้าให้ไล่ออก  ชุดใหญ่ 1 ชุด  ภายใน 1 ชม. ได้ไหม  พนักงานรีบตอบทันทีว่าได้ค่ะ  55+  ฉันหละม่ความสุขหละก็อย่างว่าเป็นถึงลูกสาวเจ้าของกิจการกว่า 1000 ล้าน อิอิ ก็ให้มันสมหน่อยสิ   หุหุ  ภูมิใจกับความรวยของคุณพ่อ...   ระหว่างที่ฉันเข้าคอร์สเสริมสวยอยู่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์   hello สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใคร
คะ พอดีกำลังเสริมสวยอยู่ค่ะ   อ่อจังโก๊ะนี่ลุงเอง  พอดีลุงต้องการจะโทรบอกพ่อว่าให้คืนนี้ให้จัดงานถึงตี 1 ได้ยิ่งดี เพราะว่าลุงโทรไปลาอาจารย์ปกครองของพวกเราทุกคนแล้ว นานๆทีจะมีปาร์ตี้แบบนี้ซักที   ฉันก็ยิ้มอย่าหน้าบานพร้อมกับตอบรับว่า ค่ะคุณลุง วางสายไปไม่กี่วินาที เสียงเรียกเข้าคุ้นๆพ่อชัวร์  พ่อมีอะไรหรอคะ  รีบกลับได้แล้ว งานใกล้จะเริ่มในอีก 1ชั่วโมงครึ่งนี้   เพราะฉะนั้นลูกต้องรีบนะ   ฉันหละเซ็ง แต่ก็ตอบรับว่าค่ะ  อิอิ เพราะกำลังจะเสร็จพอดีเลย  เสร็จซักที  คุณน้ามาพอดี ทักทายคุณน้าก่อน สวัสดีค่ะคุณน้า มาเสริมสวยหรอจ๊ะจังโกะ ค่ะคุณน้า คุณน้าคะจะไปงานเลยหรือเปล่าคะ  งานจะเริ่มในอีกไม่กี่ ชม.ข้างหน้าแล้ว  คุณน้าคะลงเป็นชื่อแม่นะคะ จังโกะไปก่อนเดี๋ยวสวยไม่ทัน  ไปแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ   คุณน้ายิ้มเหมือนกับรู้ว่าฉันขอฟรี..55


ขออภัยอาจารย์ภาษาไทยทุกท่านที่เขียนคำผิด ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อต้องการความง่ายๆ การอธิบายหรือสื่อความมหายกับผู้อ่านก็จะยิ่งเข้าใจมากด้วย


เส้นทางชีวิตที่ลิขิตได้ด้วยตนเอง (เรียงความ)

เค้าเอามาให้ออลย์อ่านเล่นอ่ะ แต่ถ้าใครที่เข้ามาดูบล็อกแล้วอยากจะแนะนำ ก็ยินดีนะคะ จะนำไปปรับปรุง


เรื่อง     "เส้นทางชีวิตที่ลิขิตได้ด้วยตนเอง"



                เส้นทางชีวิตหลายๆคนเชื่อว่าขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ชาติที่แล้วได้สร้างไว้ หลายๆคนบอกว่าพระเจ้าได้ลิขิตไว้แล้วว่าเราต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นแบบนี้  แต่ใครจะรู้ได้บ้างหละว่า เราก็สามารถลิขิตชะตาชีวิตได้ด้วยตัวเราเอง บางครั้งอะไรไม่ดีเราก็โทษคนอื่น แต่เรากลับไม่โทษตัวเองว่าทำไมเราถึงต้องเลือกเดินเส้นทางนี้ ทั้งๆเราคือผู้ควบคุมมัน
                ฉันพยายามเฝ้าหาคำตอบว่าทุกครั้งเมื่อฉันทำผิดพลาดแล้วย้อนกลับไป แต่มันคงจะสายเกินไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นการเรียน เมื่อผลคะแนนสอบปลายภาคออกมาไม่ดี เราก็คงนั่งนึกเสียใจกลับมัน ว่าทำไมเราไม่ตั้งใจเรียน ถ้าเราตั้งใจเรียนมากกว่านี้คะแนนสอบออกมา เราคงจะได้เกรด 4  แต่ในเมื่อเรามัวแต่นั่งเสียดายเสียใจกลับมัน มันก็เหมือนกลับเราทิ้งเวลาช่วงที่มีค่าช่วงหนึ่งกลับไปคิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว อยากที่จะกลับไปอีกได้ ดังนั้นเราต้องเริ่มต้นใหม่กับมัน เพราะมันคือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเราด้วยซ้ำ
                บางคนเกิดมาในฐานะที่ไม่ค่อยจะสู้ดี แต่เค้าพยายามฟันฝ่าอุปสรรคตรงนั้น เพื่อมาใจสุดที่สูงอยากเกินกว่าที่เค้าจะคำนึงถึง ฉันมีโอกาสได้อ่านคอลัมน์หนึ่งในหนังสือธรรมะ มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแต่ก่อนเป็นเด็กวิ่งส่งหนังสือพิมพ์ ส่งพวงมาลัย หาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบและยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เดี่ยว ไมโครโฟน อีกด้วย
                คนเรามักมองความสำเร็จของคนอื่น แต่มักไม่ได้มองเส้นทางที่ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะมาถึงจุดๆหนึ่งไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายๆคนคิด ทุกคนมักวางแผนว่าถ้าฉันจบตรงนี้ ฉันจะไปต่อคณะอะไร เพื่อให้มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือบางทีก็สืบค้นประวัติดารานักแสดงที่ตนเองชื่นชอบว่าเรียนจากที่ไหน คณะอะไรเพื่อที่ตนเองจะได้เข้าเรียนต่อที่นั่น  แต่ทุกคนลืมมองไปว่ากว่าที่พวกเขาเหล่านั้นจะก้าวมาถึงตรงนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด
                บางคนบอกว่าที่พวกเขาประสบความสำเร็จได้เพราะโชคชะตากำหนด แต่สำหรับความคิดฉันว่า มันไม่ใช่ โชคชะตาเป็นเพียงเส้นด้ายบางๆที่ขึงล้อมรอบเรา หรือเส้นทางที่เหมือนจะง่ายแต่ก็กลับไม่ง่ายสักทีเดียว ที่ไม่ให้หลุดกรอบแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันก็มีความเชื่อที่ว่า เราล้วนแต่เป็นคนกำหนดชะตาของตนเองทั้งสิ้น อย่างเช่นชีวิตฉัน  ฉันเรียนโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาแห่งหนึ่งในตำบลป่ายุบใน พอถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคนต้องการให้ฉันไปเรียนโรงเรียนมัธยมในอำเภอ แต่สำหรับฉัน ฉันว่าฉันยังไม่พร้อมที่จะเผชิญสังคมอย่างนั้น เราต้องไปเจอกับการแข่งขันทั้งๆที่เราพึ่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เองหรือ  มันไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอ หลังจากนั้นฉันก็ตัดสินใจเรียนต่อที่เดิมในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ฉันคิดไม่ผิดว่าฉันเรียนต่อที่นั่น ที่นั่นได้ให้อะไรกับฉันหลายๆอย่างไม่เว้นแม้แต่โอกาสที่ฉันได้รับ  ฉันมีโอกาสได้เป็นตัวแทนโรงเรียนหลายๆ เป็นประธานนักเรียน ประธานโครงการต่างๆในโรงเรียน ทีแรกฉันไม่อยากจะทำหน้าที่ตรงนี้เลยเพราะมันเหนื่อย ฉันก็ถูกตำหนิ ฉันยังจำคำพูดประโยคหนึ่งของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนวัดป่ายุบได้อย่างขึ้นใจเลยว่า ในสถานที่ที่มีคนชอบเรา ก็มักจะมีคนไม่ชอบเรา เราทำให้คนอื่นถูกใจ แต่เราก็ทำให้คนอีกคนไม่ชอบเรา ฉันกับมาคิดฉันว่ามันก็เป็นอย่างที่ท่านกล่าวไว้จริงๆ ฉันคงจะบังคับใครให้ชอบฉัน หรือไม่ชอบฉันไม่ได้ แต่ฉันจะต้องทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด ฉันนึกย้อนกลับไปว่าฉันอยากจะขอบคุณบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จก้าวที่ 1 ของฉัน ที่ให้โอกาสให้ประสบการณ์ที่ไม่ได้มีขายตามท้องตลาด ไม่ได้มีขายตามร้านค้า แล้วก็หาซื้อไม่ได้ถ้าเราไม่กล้าที่จะเสี่ยงกลับมัน พอหลังจากที่ฉันจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วฉันก็กังวลว่าฉันจะสอบเข้าโรงเรียนมัธยมของอำเภอได้หรือไม่ ฉันพยายามเต็มที่ ในที่สุดผลของความพยายามฉันก็ได้อยู่ ห้อง 2 ในที่สุด ฉันดีใจมาก ฉันไม่คิดว่าฉันจะได้อยู่ห้อง 2 ด้วยซ้ำ พอเข้ามาฉันได้พบเจอเพื่อนๆไม่ที่น่ารัก เป็นมิตร คอยสนับสนุนเพื่อน   เพื่อนของฉันมีความสามารถทางด้านอ่านทำนองเสนาะ ส่วนฉันเมื่อตอน ม.3 ได้เป็นตัวแทนไปแข่งระดับภาค พอมา ม.4 ก็เริ่มมีอะไรที่ท้าทายมากกว่าเดิม ก็เลยลองลงแข่งขันตามคำชานของเพื่อน งานแรกที่ลงแข่งคืองานวิชาโรงเรียนบ้านบึงอุตสาหกรรมนุเคราะห์ ฉันได้เหรียญทองแดง งานที่ 2 คือ การแข่งขันวิชาการระดับเขตพื้นที่ ฉันได้เหรียญเงิน  ฉันก็ดีใจแล้ว แม้ว่าปีหน้าอาจารย์ภาษาไทยจะให้ใครไปแข่งแทนฉันฉันก็ไม่ว่าอะไร ฉันทำดีและฉันก็พร้อมจะเปิดโอกาสให้น้องที่มีความสามารถมาแข่งแทนฉันเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง
                เส้นทางทุกเส้นทางชีวิตเราก็สามรถลิขิตได้ด้วยตนเอง หากเรามีจุหมายปลายทางเช่นเดียวกับฉัน ที่ไขว่คว้าโอกาสที่ทำให้เราได้พัฒนาตนเองได้สามารถความสามารถหรือพรสวรรค์ ศักยภาพที่มีในตนเองให้คนอื่นได้รับรู้....  และฉันก็ขอเป็นกำลังให้กับทุกคนที่กำลังเดินทางเส้นทางความฝันที่ตนเองตั้งใจและลิขิตไว้ให้สำเร็จดั่งที่ใจปรารถนานะคะ

ฉันคงจะคิดถึงเธอน่าดู

ออลย์โทษนะที่ไม่ได้เข้ามาทำอะไรกับบล็อกเลยอ่ะ จำรหัสผ่านไม่ได้อ่ะ  แต่ตอนนี้นึกออกแล้ว ก็เลยมาเขียนอ่ะ อิจฉาพวกไปจียจังเลยที่ไม่ต้องทนร้อน ทนเหนื่อย ทนหิวข้าว ฯลฯ แบบพวกเค้าเฮ้อ นึกแล้วก็เศร้าใจนะ แต่ทำไงได้อ่ะ....ชั่งเถอะ..  ออลย์จ๋าก็ไปเลี้ยงหมูย่างเกาหลีเค้าหน่อยดิ เค้าอยากกินนะๆๆๆ (ยังจะห่วงกินอีกฉัน) ไปละบ๊าย..บาย  ฝันดีนะ

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เดือนแห่งความรัก


ขอขอบคุณhttp://campus.sanook.com/u_life/knowledge_01474.php
กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและ
อยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine’s Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ

เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
.
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรัก
ที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่งบัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อ
แสดงถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการ
แสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน...



ตรงนี้มีฉันอยู่ ฉันสัญญา

เนื้อเพลง ตรงนี้มีฉันอยู่ ฉันสัญญา (เพลงประกอบละคร น้ำขึ้นให้รีบรัก)
ตูมตาม The Star 7 - ตรงนี้มีฉันอยู่ ฉันสัญญา (เพลงประกอบละคร น้ำขึ้นให้รีบรัก)
คำร้อง ปิยะ ครุธา
ทำนอง/เรียบเรียง พณวรรธน์ พงศ์ภักดีบริบาล

หากเปรียบชีวิตคน เหมือนดังสายธารา
ก็คงเป็นช่วงเวลาที่มันเชี่ยวกราก
พัดพาเรา มาพบกัน ในวันเธอมีน้ำตา
และฉันรู้ดีว่าหนักเท่าไร
แม้ฉันจะเจ็บ และเสียใจแทนให้เธอ ไม่ได้เลย
แต่ฉันจะเช็ดน้ำตาเธอด้วยหัวใจ
หากเธออ่อนล้า น้ำตาปล่อยมันให้ไหล
แต่อย่าพึ่งท้อเกินไป น้ำตาท่วมใจ ต้องมีแห้งสักวัน
เธอยังมีฉันคนนี้ ที่พร้อมจะเคียงข้างกัน
เหนื่อยล้าแค่ไหนขออย่าไหวหวั่น
เป็นกำลังใจให้กัน ชีวิตต้องเดินต่อไป
ก็เมื่อชีวิตคน เหมือนดังสายธารา
สักวันต้องมีเวลาที่มันสวยงาม
แค่เราเชื่อในหัวใจ ต้องพ้นมันไปทุกอย่าง
ตรงนี้มีฉันอยู่...ฉันสัญญา
แม้ฉันจะเจ็บ และเสียใจแทนให้เธอ ไม่ได้เลย
แต่ฉันจะเช็ดน้ำตาเธอด้วยหัวใจ
หากเธออ่อนล้า น้ำตาปล่อยมันให้ไหล
แต่อย่าพึ่งท้อเกินไป น้ำตาท่วมใจ ต้องมีแห้งสักวัน
เธอยังมีฉันคนนี้ ที่พร้อมจะเคียงข้างกัน
เหนื่อยล้าแค่ไหนขออย่าไหวหวั่น
เป็นกำลังใจให้กัน ชีวิตต้องเดินต่อไป
หากเธออ่อนล้า น้ำตาปล่อยมันให้ไหล
แต่อย่าพึ่งท้อเกินไป น้ำตาท่วมใจ ต้องมีแห้งสักวัน
เธอยังมีฉันคนนี้ ที่พร้อมจะเคียงข้างกัน
เหนื่อยล้าแค่ไหนขออย่าไหวหวั่น
เป็นกำลังใจให้กัน ชีวิตต้องเดินต่อไป







http://song.thaiza.com/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88+%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2/9407-3-1-T/

มาแว้วจร้า

12/2/55  ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยอ่ะ (แต่เราก็ว่างมากกว่าออยล์นะ55+)  เก๊าขอโทษอย่าโกดเค้านะ เค้าเองก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ออยล์ก็คงเช่นเดียวกันใช่ไหม ก็ทั้งงานนู้น งานนี่สารพัดอ่ะ ก็แหงหละใกล้สอบทีไรอย่างนี้ทุกทีเลย  ฮื้อๆๆอยากร้องไห้  และก็อยากร้องไห้มากด้วยเพราะอีกไม่กี่วันออยล์ก็ต้องไปจีนแล้วใช่ไหมเค้าก็คงคิดถึงออยล์มากเลย  ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ออยล์ก็คือเพื่อนรักคนหนึ่งของเค้านะ

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เอามาฝาก1

จำได้ไหม....   (ตาล มิน บีเบอร์  ส้ม)  4 สาว แห่ง 4/3

รูปแรกที่ลงเฟสบุ๊คสวนสยาม เจ้าของที่สร้างบล็อกแลเอ๋อๆๆนะ

รักของฉัน (เรียงความ)

วันนี้เอาเรียงความมาให้อ่านอ่ะ เพื่อไม่รู้จะอ่านอะไร



รักของฉัน
            หากพูดถึงนิยามของความรัก หลายๆคนคงจะบอกว่า รักคือการให้ และอีกหลานๆคนก็คงกำลังนั่งปวดหัวว่านิยามของความรักนั่นคืออะไร เพราะความรักยากที่จะให้คำนิยาม ถ้าบางคนอยู่ในช่วงความรักก็จะมองโลกใบนี้เป็นสีชมพู มองว่า รักคือการให้ ฯลฯ
            ความรักนั้นก็เป็นศูนย์กลางของศาสนาหลายๆศาสนา ตัวอย่างเช่น พระเจ้าเป็นความรัก ของศาสนาคริสต์ หรือ อากาเปในสังฆวรสาร ซึ่งแปลว่าความรักไม่ได้มีต่อบุคคล
            สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่าความรักมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รักแบบครองครัว คือการรัก พ่อ แม่ พี่ น้อง และเครือญาติ การรักแบบเพื่อน คือการช่วงเหลืออยากให้สิ่งที่ดีๆเกิดขึ้นกับเพื่อน การรักแบบคู่รัก คือ ความรักที่ว่าด้วยความเสน่ห์หา และความผูกพันทางอารมณ์ ความรักที่ไม่ได้มีต่อบุคคลและความรักที่มีต่อสิ่งของ
            ถ้าถามถึงความรักที่มั่นคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปได้นั้นก็คือความรักของพ่อแม่ที่มอบให้กับลูก แม้ว่าลูกจะทำผิดสักขนาดไหน พ่อกับแม่ก็พร้อมที่จะให้อภัยโดยที่ไม่ถือโทษโกรธเลยสักนิด พยายามหาสิ่งที่ดีมอบให้กับลูกโดยที่ไม่นึกถึงความยากลำบากเลย นี่แหละคือรักแท้อันมั่นคง
            ความรักที่มีต่อเพื่อน สำหรับฉันคิดว่าความรักที่มีต่อเพื่อนนั้นต้องดุจากการกระทำของเพื่อนว่าเขารักเราจริงแค่ไหน เขาจริงใจกับเราแค่ไหน เราจะไว้ใจเขาได้หรือไม่ กว่าเราจะได้เพื่อนที่ดีๆสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราต้องแลกด้วยเวลาและความจริงใจ เพื่อที่จะได้เพื่อนสักคน เพื่อนเรารักและเพื่อนที่รักเรา
            ความรักแบบคู่รัก ฉันคิดว่าทุกคนก็คงมีความรักอาจจะเป็นความรักที่ผ่านมาแล้วหรือความรักที่เกิดขึ้นปัจจุบัน เช่นเดียวกับฉัน แม้ว่าอดีตเบื้อหลังความรักที่ผ่านมามันจะทำให้ใครๆหลายๆคนรู้สึกเจ็บปวดไม่กล้าที่จะมีความรักซึ่งไม่แตกต่างจากฉัน เมื่อก่อนฉันอาจจะไม่ทุ่มเทกับความรักหรือไม่ใส่ใจ ปล่อยละเลย จนทำให้ความรักกลายมาเป็นความเจ็บปวด ท้ายที่สุดก่อให้เกิดคำว่าเลิกราในที่สุด แต่สำหรับฉัน ณ ตอนนี้ ฉันจะพยายามทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจเพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเป็นเช่นไร
            ความรักที่มิได้มีต่อบุคคล อาจจะมีต่อสิ่งของ สิ่งของบางชิ้นเราก็รักหวงมากมาย ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีค่าในด้านของมูลค่า แต่มีคุณค่าในด้านของจิตใจอย่างตุ๊กตาหมีที่อยู่ในห้องนอนของฉัน ฉันรักหวงมันมากเพราะว่าเป็นตุ๊กตาที่พี่สาวซื้อให้ในโอกาสต่างๆและขึ้นปีใหม่ รวมถึงขอฝากจากเพื่อนๆที่ซื้อมาฝากล้วนมีคุณค่าทางด้านจิตใตของฉันเป็นอย่างมาก
            อย่างไรก็ดีความรักสำหรับฉันเป็นสิ่งที่สวยงาม ไม่ว่าอารมณืและความรู้สึกของเราในช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร ความรักไม่เคยที่จะทำร้ายใคร มีแต่คนไม่จริงใจต่างหากที่มาทำร้ายกัน ถ้าเรารู้จักที่จะรัก